วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2553

แบ่งปัน

ที่มา : ดอนบอสโก นิตยสารครอบครัวซาเลเซียน ปีที่ 51 กันยายน 2552ที่สนามบินนานาชาติระดับโลกแห่งหนึ่ง มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดี จำเป็นต้องรอเวลาถึง 3 ชั่วโมง ในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อไปจุดหมายปลายทาง เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1เล่ม และคุกกี้ 1 ห่อ และเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกินฆ่าเวลาไปพลางๆ เธอมองหาที่นั่งได้ 1 แห่งเมื่อนั่งลงก็เตรียมหนังสือและคุกกี้ เพื่ออ่านและกินไปพลางๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้างๆเธอ มีชายหนุ่มซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใครว่าจะมีใครนั่งอยู่บ้าง สักครู่หนึ่ง ขณะที่เธออ่านหนังสือ ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุกกี้ออกจากถุง ซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันทีละชิ้น เธอมองด้วยความโกรธ แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุกกี้ และเฝ้ามองนาฬิกาในขณะที่ชายหนุ่ม ซึ่งเป็นขโมยไร้ยางอาย กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป เธอก็เริ่มโมโห พลางก็คิดในใจว่า “ถ้าฉันไม่ใช่ผู้มีการศึกษาแล้วละก็ ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี่ให้แหลกไปเลย”ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้น ทั้งสองส่งสายตามองกัน เมื่อคุกกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย เธอหยุดและอยากจะรู้ว่า ชายหนุ่มจะทำอย่างไรอีก ชายหนุ่มค่อยๆ หยิบคุกกี้ชิ้นสุดท้ายมาหักออกเป็น 2 ส่วน แล้วส่งให้เธอครึ่งหนึ่ง และกินเองอีกครั้งหนึ่ง เธอรับคุกกี้จากหนุ่มมา พลางก็คิดอยู่ในใจว่า “เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ ช่างไร้การศึกษา ทำมาแบ่งให้แม้ไม่ใช่ของตัวเอง โอ...ไฉนไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ”เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง ไม่แม้แต่เหลียวกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาท ซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม หลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่แล้ว เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า เธอก็พบว่ายังมีขนมคุกกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมาก ถ้าคุกกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า... คุ๊กกี้ห่อนั้น เป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกินเธอรีบลุกขึ้นทันที วิ่งออกจากเครื่อง ตรงไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม ทว่าเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า มันสาย ไปเสียแล้วที่จะกล่าวขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับขึ้นเครื่องเธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอเองต่างหากที่ไร้มารยาท เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง มีสักกี่ครั้งในชีวิตเรา ที่มาค้นพบในภายหลังว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องจริง มันเป็นการเข้าใจผิด มีสักกี่ครั้งในชีวิตที่เราไว้วางใจผู้อื่น จนทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง ซึ่งอยู่ห่างจากความเป็นจริงมากมาย”สิ่งนี้ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนที่จะตัดสินผู้อื่นหลายสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่มองเห็น เราควรมองผู้อื่นในแง่ดี แล้วถามตัวเองบ่อยๆว่า ฉันมองโลกในแง่ดีพอหรือยัง? ฉันเคยแบ่งปันอะไร – ให้ใคร – บ้างไหม? ...

ค่าของคน

ในกาลครั้งหนึ่ง ยังมียายแก่คนหนึ่ง สามีเสียชีวิต ส่วนลูกหลานก็แยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น ยายแก่ทำมาหากินอยู่ตัวคนเดียวด้วยความขยันขันแข็งมาตลอด แกเก็บเล็กผสมน้อย ใช้จ่ายอย่าง กระเหม็ดกระแหม่ จึงสะสมเงินทองไว้ได้พอสมควร แกจึงไปซื้อไหเก่าใบหนึ่งมาใส่เงินนั้นไว้ จะไปไหนก็จะอุ้มไหติดตัวไปด้วย และไม่เคยเปิดไหอวดใครเลย ครั้นเมื่อยายอายุมากขึ้นๆ ทำงานอย่างเดิมไม่ไหว ลูก หลาน ซึ่งพากันคิดว่ายายแก่ คงจะต้องมีทรัพย์สมบัติมาก จึงพากันมารับยายแก่ไปอยู่ด้วย ยายแก่ก็รู้เท่าทันแต่ก็ทำเฉยเสีย ช่วยลูกหลานทำงานสุดกำลัง เพื่อไม่ให้ลูกหลานดูถูกได้ว่าเสียข้าวสุกเปล่า หรือเกาะเขากินจนวันหนึ่งแกลงไปดายหญ้าทำสวนอยู่คนเดียว แดดก็จัด แกรู้สึกปวดหลังเป็นกำลัง ถึงกับล้มฟาดไปไม่รู้ตัว หมดสติอยู่กลางแดดเป็นเวลานานกว่าลูกหลานจะมาพบ และช่วยกันอุ้มเข้าบ้าน เมื่อแกฟื้นขึ้นมาปรากฏว่าแกเป็นอัมพาตพอจะพูดและเคลื่อนไหวได้บ้าง รักษาอยู่เป็นเวลานานก็ไม่ทุเลา แกใช้เงินที่แกสะสมไว้เป็นค่ารักษาจนหมด ลูกหลานทั้งหลายพากันเดาว่ายายแก่คงใช้เงินรักษาจนหมดตัวแล้ว จึงพากันตีตัวออกห่างในที่สุดเพื่อนบ้านแถวนั้นทนไม่ได้จึงผลัดกันมาดูแลยายแก่ แต่ทุกคนก็มีหน้าที่การงานต้องทำจะมาพยาบาลอยู่นานก็ไม่ได้ ยายแก่จึงต้องช่วยตัวเองซะส่วนมาก จะไปถ่ายอุจระก็ไม่ได้ ไหของแกเมื่อเงินทองหมดก็ยังว่างเปล่าอยู่ แกจึงถ่ายอุจระไว้ในไหนั้นทุกวัน แล้วก็ปิดฝาไว้เมื่อมีชาวบ้านมาเยี่ยม แกก็เริ่มคุยอวดชาวบ้านว่าความจริงเงินของแกก็ยังพอจะมีเหลือ "ฉันกันเงินของฉันไว้ส่วนหนึ่ง เอาไว้ตอนเข้าตาจน ไม่เชื่อลองโยกไหดูสิ" ชาวบ้านต่างก็ลองเอามือผลักไหดู ก็เชื่อว่ามี เงินอยู่ในนั้นแน่ พอกลับบ้านต่างคนก็ต่างไปเล่าต่อๆกัน "ยายแก่ แกยังมีเงินเหลืออยู่ไม่น้อยเลย ไหที่ใส่ไว้หนักอึ้งทีเดียว"ความนี้ในที่สุดก็ไปเข้าหูหลานๆของยายแก่ด้วยความละโมบจึงพากันกลับมาคอยรับ ใช้ยายแก่อีกต่างคนก็ชิงกันเอาใจ ยายแก่ เพราะหวังจะครอบครองทั้งทองและเงินในไห ต่อมาไม่นานยายแก่ก็ ถึง อายุขัย หลานๆก็จัดงานศพเสียงดงามเมื่อเสร็จจากงานศพแล้ว ลูกหลานทุกคนก็ต่างคิดบัญชีค่าใช้จ่าย เพื่อจะได้แบ่งเงินในไหว่า ใครได้ส่วนแบ่งมาก ใครได้น้อย พอคิดบัญชีเสร็จแล้วก็ยังทะเลาะกันจนยุติไม่ได้ เพราะต่างคนก็อยากจะได้มาก ไม่มีใครยอมใคร ในที่สุดก็ตกลงให้เปิดไหก่อนเพื่อจะนับเงินทอง แต่แล้วทุกคนก็ต้องผิดหวัง เพราะพอเผยอฝาไหออก กลิ่นอุจระก็เหม็นคลุ้ง จนทุกคนผงะหงายลูกหลานทุกคนเสียรู้ยายแก่เสียแล้ว

ความฝันโบยบิน

เนื้อเพลง ความฝัน โบยบิน-ร้องหมู่(อู๋) บนทางเดินที่ฉันมุ่งไปยาวไกลลิบตา(ม็อก) บนทางเดินที่ไม่ได้โรยด้วยดอกไม้บาน(ร็อกกี้) มันเป็นทางที่ฉันเลือกไปเพื่อไขว่คว้าดาว(แบ๋ว) มันคือทางที่ฉันมั่นใจว่ามาถูกทาง(เวียร์) ไม่ว่าดาวที่เราตามหา จะอยู่สุดฟ้าก็ไม่ท้อใจ(แพนเค้ก) เพียงเรา ยังพร้อมใจเดินก้าวไปด้วยกัน(หมู่) เพียงแค่มีเธอ ร่วมทางก็จะมีฉัน ร่วมใจ เราจะมีเราไม่ทอดทิ้งไปแม้ฝันจะอยู่ไกลเท่าไรก็ตามเพียงแค่มีเธอ ร่วมทาง ก็จะมีฉัน ร่วมใจเราจะมีเราโบยบินไปด้วยกัน ไปเป็นดาวบนฟ้า(วิน) ทางจะไกล จะยากจะเย็นเพียงใด ไม่กลัว(ขวัญ) ทางจะมี แต่หนามคมคอยทิ่มตำ ไม่เกรง(เบิ้ม) ทางจะชัน แต่ฉันก็พร้อมป่ายปีนขึ้นไป(เบนซ์) เราจะไป ให้ถึงปลายทางด้วยใจที่มี(เวียร์) ไม่ว่าดาวที่เราตามหา จะอยู่สุดฟ้าก็ไม่ท้อใจ(แพนเค้ก) เพียงเรา ยังพร้อมใจเดินก้าวไปด้วยกัน(หมู่) เพียงแค่มีเธอ ร่วมทางก็จะมีฉัน ร่วมใจ เราจะมีเราไม่ทอดทิ้งไปแม้ฝันจะอยู่ไกลเท่าไรก็ตามเพียงแค่มีเธอ ร่วมทาง ก็จะมีฉัน ร่วมใจเราจะมีเราโบยบินไปด้วยกัน ไปเป็นดาวบนฟ้า(หมู่) เพียงแค่มีเธอ ร่วมทางก็จะมีฉัน ร่วมใจ เราจะมีเราไม่ทอดทิ้งไปแม้ฝันจะอยู่ไกลเท่าไรก็ตามเพียงแค่มีเธอ ร่วมทาง ก็จะมีฉัน ร่วมใจเราจะมีเราโบยบินไปด้วยกัน ไปเป็นดาวบนฟ้า(หมู่) เพียงแค่มีเธอ ร่วมทางก็จะมีฉัน ร่วมใจ เราจะมีเราไม่ทอดทิ้งไปแม้ฝันจะอยู่ไกลเท่าไรก็ตามเพียงแค่มีเธอ ร่วมทาง ก็จะมีฉัน ร่วมใจเราจะมีเราโบยบินไปด้วยกัน ไปเป็นดาวบนฟ้าเพียงแค่มีเธอ ร่วมทาง ก็จะมีฉัน ร่วมใจเราจะมีเราโบยบินไปด้วยกัน ไปเป็นดาวบนฟ้า

แล้วไงล่ะ

เนื้อเพลง แล้วไงล่ะ-วิน ขวัญ(ญ) ถามเหอะถามจริงๆเธอเป็นหญิงหรือว่าเป็นชายทำไมขี้อายขนาดนี้(ช) แล้วมันเป็นยังไงผิดตรงไหนหรือว่าไม่ดี(ญ) ดีแต่มันเกินไปสักหน่อย(ช) ว่าก็ว่านะเธอ ถ้าไม่รู้อย่าพูดดีกว่านี่แหละเขาเรียกแมนเกินร้อย(ญ) โอ๊ย ขอบคุณที่บอกแต่ยังไงก็ดูสำออย(ช) โถ น้อยๆ หน่อยแม่คุณ(ญ) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ช) ทำไมอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) ถามแค่เนี๊ยะทำเป็นขี้บ่น(ช) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ญ) ทำไมอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) ถามอย่างเงี๊ยะระวังเดี๋ยวจะโดน(ช) ถ้าอยากรู้จริงๆกล้ามาคบกับฉันรึเปล่าจะทำให้รู้เลยเอาไหม(ญ) ไม่ใช่เรื่องสักหน่อยไม่อยากรู้มันสักเท่าไร(ช) โธ่ ไอ้เราก็นึกว่าแน่(ญ) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ช) ทำไมอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) ถามแค่เนี๊ยะทำเป็นขี้บ่น(ช) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ญ) ทำไมอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) ถามอย่างเงี๊ยะระวังเดี๋ยวจะโดน(ญ) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ช) ทำไมอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) ถามแค่เนี๊ยะทำเป็นขี้บ่น(ช) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ญ) ทำไมอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) ถามอย่างเงี๊ยะระวังเดี๋ยวจะโดน(ญ) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ช) ทำไมอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) ถามแค่เนี๊ยะทำเป็นขี้บ่น(ช) ก็แล้วทำไมอ่ะ(ญ) ทำไมอ่ะ(ช) เอาไงอ่ะ(ญ) เอาไงอ่ะ(ช) ถามอย่างเงี๊ยะระวังเดี๋ยวจะโดน